โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เหล้า มีทั้งประโยชน์และโทษ ดื่มแอลกอฮอล์อย่างไรให้พอดี

การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มมึนเมาอย่างแอลกอฮอล์ มีทั้งประโยชน์และโทษต่อร่างกาย หากดื่มมากเกินไป การดื่มเหล้าจะกลายเป็นอันตรายต้นเหตุของการเกิดโรคได้หลากหลายชนิด การดื่มแอลกอฮอล์จึงสามารถดื่มได้ หากดื่มในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป การดื่มเหล้าจึงมีข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาให้ดี [embed-health-tool-heart-rate] ประโยชน์ของการดื่มเหล้า จากการศึกษา American College of Cardiology’s 70th Annual Scientific Session พบว่า การดื่มในปริมาณที่พอเหมาะอาจดีต่อหัวใจ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และลดระดับความเครียดลงได้ ส่งผลให้อัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอาจลดลง โดยแนะนำปริมาณแอลกอฮอล์ต่อวัน ให้ผู้หญิงดื่ม 1 แก้ว ส่วนผู้ชายดื่ม 2 แก้ว ก็เพียงพอ และหากต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรเลือก ไวน์แดง มากกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ ในไวน์แดงมีสารที่ชื่อว่า Resveratrol อาจช่วยลดไขมันในเลือดได้ โทษของแอลกอฮอล์ แม้ว่าการดื่มเหล้าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่หากมีปริมาณแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เฉพาะในประเทศไทยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพลำดับที่ 1 เกี่ยวข้องกับโรคและการบาดเจ็บกว่า 60 ประเภท ดื่มเหล้าเป็นอันตรายต่อผู้อื่น การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป ส่งผลให้ขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ เกิดการทะเลาะวิวาทได้ง่าย อาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวได้เช่นกัน เพราะระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความคิดและการตัดสินใจผิดไปจากเดิม นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อระบบประสาท ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมาจึงควบคุมรถได้ยากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ตนเองและผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ ดื่มเหล้าเป็นอันตรายต่อตัวเอง […]

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลโภชนาการ

กินซิงค์ กับ วิตามินซี มีประโยชน์อย่างไร

การ กินซิงค์ กับ วิตามินซี ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังส่งผลดีต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกายด้วย โดยทั่วไปสามารถรับซิงค์กับวิตามินซีได้จากอาหารตามธรรมชาติและอาหารเสริม ทั้งนี้ควรกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ ครบถ้วน จะได้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง [embed-health-tool-bmi] กินซิงค์ กับ วิตามินซี มีประโยชน์อย่างไร ซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยรักษาบาดแผล ช่วยให้การแข็งตัวของเลือดปกติ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของต่อมไทรอยด์ เสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของผิวหนัง ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี เสริมสร้างประสาทสัมผัสการรับรู้รสและกลิ่น และกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่วนวิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) มีบทบาทในการควบคุมการติดเชื้อและสมานแผล ช่วยเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนในเนื้อเยื่อของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอักเสบจากอนุมูลอิสระ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี ช่วยในการผลิตและเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย คนทั่วไปนิยม กินซิงค์ กับ วิตามินซี เนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ยิ่งเมื่อกินร่วมกัน ก็จะยิ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร BioMed Research International ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 […]


ข้อมูลโภชนาการ

ซิงค์ คือ สังกะสี ประโยชน์ต่อร่างกายและข้อควรระวังในการบริโภค

สังกะสี หรือ ซิงค์ คือ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนัง ผม และเล็บ แต่ร่างกายไม่สามารถผลิตและเก็บซิงค์ไว้ใช้ในภายหลังได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีซิงค์เป็นประจำเพื่อให้ร่างกายได้รับซิงค์เพียงพอ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ [embed-health-tool-bmi] ซิงค์ คือ อะไร สังกะสี หรือ ซิงค์ คือ แร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกาย แร่ธาตุชนิดนี้แทรกซึมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ในกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นสารอาหารรองที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และควบคุมการทำงานของเอนไซม์หลักของระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ ซิงค์เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง และไม่สามารถเก็บซิงค์ส่วนเกินเอาไว้ใช้ภายหลังได้ จึงจำเป็นต้องได้รับซิงค์จากการรับประทานอาหารที่หลากหลายเป็นประจำทุกวัน ประโยชน์ของ ซิงค์ คือ อะไร ซิงค์ช่วยในการเผาผลาญสารอาหารเพื่อนำไปเป็นพลังงานให้เซลล์ในร่างกาย และมีบทบาทในการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เร่งการสมานแผลและการสังเคราะห์โปรตีนและดีเอ็นเอ ช่วยในกระบวนการแบ่งเซลล์ กระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมบูรณ์ของร่างกายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ในวัยเด็ก ไปจนถึงช่วงวัยรุ่น ทั้งยังช่วยเสริมระบบประสาทในการรับรสชาติและการรับกลิ่นด้วย หากร่างกายมีซิงค์ไม่เพียงพอ หรือมีภาวะขาดซิงค์ (Zinc deficiency) อาจทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ เริ่มจากมีอาการทางผิวหนังคล้ายเป็นโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) เกิดเป็นรอยแตกหรือผื่น ซึ่งไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมบำรุงผิว และอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ผมร่วง เล็บเปราะบาง ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร […]


ข้อมูลโภชนาการ

คอลลาเจน ช่วยอะไร และข้อควรระวังในการบริโภค

แม้คอลลาเจนจะเป็นสารอาหารประเภทโปรตีนที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเสริมอาหารอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนก็ยังอาจสงสัยว่า คอลลาเจน ช่วยอะไร หาได้จากที่ไหนบ้าง คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยพยุงโครงสร้างและเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน การรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนและอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงอาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบดังกล่าว และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม [embed-health-tool-bmi] คอลลาเจน คืออะไร คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนในกลุ่มโปรตีนเส้นใยที่พบมากที่สุดในร่างกาย เป็นส่วนประกอบหลักของกระดูก กระดูกอ่อน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น อวัยวะ หลอดเลือด และเยื่อบุลำไส้ ทั้งยังช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรง และยืดหยุ่นได้ดี คอลลาเจนมีโครงสร้างเป็นเกลียว ประกอบด้วยกรดอะมิโน (Amino acid) หลายชนิด โดยกรดอะมิโนชนิดที่มีบทบาทในการผลิตคอลลาเจน ได้แก่ โพรลีน (Proline) ไกลซีน (Glycine) และไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline) นอกจากนี้ร่างกายยังต้องการสารอาหารอื่น ๆ เช่น วิตามินซี สังกะสี ทองแดง แมงกานีส ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสร้างเกลียวคอลลาเจนให้สมบูรณ์ คอลลาเจน ช่วยอะไร หน้าที่หลัก ๆ ของคอลลาเจน อาจมีดังนี้ ช่วยกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์หรือเซลล์สร้างเส้นใย […]


ข้อมูลโภชนาการ

วิตามินดี กินตอนไหน และข้อควรระวังในการบริโภค

วิตามินดีเป็นสารอาหารที่ช่วยรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง หลายคนอาจมีคำถามว่า วิตามินดี กินตอนไหน ถึงจะเหมาะสมที่สุด โดยทั่วไปวิตามินดีสามารถละลายได้ดีในไขมัน จึงอาจกินพร้อมหรือหลังอาหารเช้า และควรกินวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ หรือไม่เกิน 100 ไมโครกรัม/วัน [embed-health-tool-bmi] วิตามินดี มีประโยชน์อย่างไร วิตามินดี เป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย และทำหน้าที่ในกระบวนการดูดซึมแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้จากอาหารที่กิน ทั้งยังมีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างของกระดูกและฟัน ร่างกายรับวิตามินดีจาก 2 ทาง คือ การกินอาหารที่มีวิตามินดี และการสังเคราะห์วิตามินดีจากรังสียูวีบี (Ultraviolet B หรือ UVB) ในแสงแดดที่ผิวหนัง วิตามินดีมีหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ได้แก่ วิตามินดี 2 หรือเออร์โกแคลซิเฟอรอล (Ergocalciferol) ที่พบได้ในพืชและเห็ดรา และวิตามินดี 3 หรือโคเลสแคลซิเฟอรอล (Cholecalciferol) ที่ได้รับจากการสัมผัสแสงแดดและอาหารบางชนิด เช่น เนื้อปลาที่มีไขมัน น้ำมันตับปลา วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันและถูกเก็บไว้ในไขมัน และจะถูกนำออกมาใช้เมื่อร่างกายไม่ได้รับแสงแดด อาหารที่มีวิตามินดี มีอะไรบ้าง อาหารที่มีวิตามินดี อาจมีดังนี้ ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน น้ำมันตับปลา เห็ด […]


โภชนาการพิเศษ

สงสัยหรือไม่ นมบำรุงกระดูก ชนิดไหนดีที่สุด

ปัจจุบันมีการผลิตนมออกมาหลายชนิด เช่น นมวัว นมแพะ นมแกะ นมจากพืช ซึ่งนมแต่ละชนิดอาจเป็น นมบำรุงกระดูก ที่ช่วยเสริมโครงสร้างและความแข็งแรงของกระดูก เพราะอุดมไปด้วยแคลเซียมและสารอาหารหลายชนิด อย่างไรก็ตาม นมแต่ละชนิดอาจไม่เหมาะกับทุกคน จึงอาจจำเป็นต้องศึกษาคุณสมบัติและสารอาหารในนมให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนด้วย [embed-health-tool-bmi] นมบำรุงกระดูก สำคัญอย่างไร แคลเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูกในการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า การดื่มนมจำเป็นต้องดื่มทุกวันหรือไม่ ในความจริงแล้วแคลเซียมไม่ได้มีเพียงในนมเท่านั้น แต่ยังมีในแหล่งอาหารอื่น ๆ เช่น กุ้งแห้ง กะปิ ปลาเล็กปลาน้อย ปลาสลิด หอยนางรม งาดำ ผักใบเขียว (เช่น คะน้า ใบยอ ใบชะพลู) ดังนั้น การรับประทานอาหารที่หลากหลายจึงอาจช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการสนับสนุนให้ดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว เพราะนมมีปริมาณแคลเซียมสูง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมชนิดอื่นได้อย่างเพียงพอ รวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุที่อาจต้องการแคลเซียมสูง เพื่อใช้ในการเสริมสร้างกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน นมบำรุงกระดูก มีอะไรบ้างที่ควรกิน ปัจจุบันมีการผลิตนมออกมาหลายชนิด ซึ่งนมแต่ละชนิดอาจมีสารอาหารและประโยชน์ที่ต่างกันออกไป นอกจากนี้ นมแต่ละชนิดก็ยังอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้น จึงควรเลือกดื่มนมชนิดที่เหมาะกับตนเองเพื่อช่วยเติมแคลเซียมให้กับร่างกายได้ดีที่สุด ดังนี้ นมวัว นมวัวเป็นนมที่นิยมดื่มกันมากในปัจจุบัน ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของกระดูก โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ศึกษาเกี่ยวกับนมและผลิตภัณฑ์จากนมดีต่อกระดูกมนุษย์หรือไม่ […]


โภชนาการพิเศษ

กิน ผลไม้แก้ท้องเสีย ได้หรือไม่ และควรกินอะไรเมื่อท้องเสีย

หลายคนอาจสงสัยว่าสามารถกิน ผลไม้แก้ท้องเสีย ได้หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปไม่แนะนำให้กินผลไม้ในขณะท้องเสีย เพราะผลไม้ส่วนใหญ่มีเส้นใยละลายน้ำสูงที่อาจทำให้อุจจาระเหลว และผลไม้รสเปรี้ยวยังมีกรดที่สามารถกระตุ้นการทำงานของลำไส้อีกด้วย แต่อาจสามารถกินผลไม้บางชนิดได้ เช่น กล้วย ฝรั่ง น้ำมะพร้าว ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีและอาจช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ หรือกินผลไม้ที่ปอกเปลือกแล้วเพื่อลดปริมาณเส้นใยลง อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกินผลไม้ในปริมาณมากเกินไปจนกว่าอาการท้องเสียจะดีขึ้น [embed-health-tool-bmi] กิน ผลไม้แก้ท้องเสีย ได้หรือไม่ การกินผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย น้ำมะพร้าว ฝรั่ง อาจช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ เนื่องจากผลไม้เหล่านี้มีแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงร่างกายยังสามารถดูดซึมน้ำตาลและแร่ธาตุไปใช้ได้ทันที ซึ่งอาจช่วยทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไปจากอาการท้องเสีย อย่างไรก็ตาม มีเพียงผลไม้บางชนิดเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ แต่ผลไม้ส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้กินในขณะที่ยังมีอาการท้องเสีย โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว เส้นใยสูง และน้ำผลไม้ เช่น ส้ม ส้มโอ มะม่วงเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ สับปะรด เนื่องจากมีกรดสูงที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้และอาจทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ผลไม้เส้นใยสูงยังอาจทำให้ลำไส้ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและน้ำไปใช้ได้ช้าลง ซึ่งอาจไม่ดีต่อผู้ที่กำลังท้องเสียที่ร่างกายต้องการสารอาหารและน้ำอย่างรวดเร็ว ท้องเสียควรกินอะไร ผู้ที่ท้องเสียควรกินผลไม้และอาหารที่มีรสชาติอ่อน ๆ ย่อยง่าย กรดต่ำ และเส้นใยต่ำ เช่น กล้วย ฝรั่ง น้ำมะพร้าว ทับทิม เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารและลำไส้ไม่ทำงานหนักเกินไป หรือเลือกกินอาหารที่มีเส้นใยละลายน้ำสูง เช่น ถั่วลันเตา รำข้าวโอ๊ต […]


โภชนาการพิเศษ

อาหาร ที่ ผู้ ป่วย เบาหวาน ทาน ได้ และอาหารที่ควรเลี่ยง

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป และอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องใส่ใจอาหารที่รับประทาน เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงเกินไปจนทำให้หลอดเลือดและระบบร่างกายผิดปกติ จนเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเบาหวานขึ้นตา เบาหวานลงขา โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น อาหาร ที่ ผู้ ป่วย เบาหวาน ทาน ได้ ควรเป็นอาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลไม่เลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และคงที่ มีใยอาหารสูง และมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ทำให้อิ่มได้นานและไม่หิวบ่อยจนต้องกินจุกจิกระหว่างมื้อหรือกินมื้อดึก [embed-health-tool-bmi] อาหาร ที่ ผู้ ป่วย เบาหวาน ทาน ได้ อาหาร ที่ ผู้ ป่วย เบาหวาน ทาน ได้ในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งสูงจนเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมาย อาจมีดังนี้ อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารจำพวกแป้งที่เป็นแหล่งพลังงานหลักให้กับร่างกาย โดยจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลหรือกลูโคสและหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ควรเป็นคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสีหรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex carbohydrates) ที่มีเส้นใยอาหารสูงและใช้เวลาย่อยนานกว่าและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้ากว่าคาร์โบไฮเดรตขัดสี และอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ตัวอย่างอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง ควินัว อาหารประเภทผักและผลไม้ ผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีสารอาหารหลายชนิด ทั้งแร่ธาตุ […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

โอเมก้า 3 จากพืช ต่างจากโอเมก้า 3 จากปลาอย่างไร

โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย พบมากในสัตว์น้ำ เช่น แซลมอน ทูน่า แมกเคอเรล รวมถึงสัตว์น้ำอย่างปู กุ้ง และหอยชนิดต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังมีโอเมก้า 3 จากพืช ที่พบได้ในชีวิตประจำวัน  เช่น ถั่วเหลือง เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย สาหร่าย [embed-health-tool-bmi] โอเมก้า 3 สำคัญอย่างไร โอเมก้า 3 (Omega-3) เป็นกรดไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อนชนิดหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จึงต้องรับประทานอาหารหลาย ๆ ชนิดที่เป็นแหล่งโอเมก้า 3 ทั้งนี้ โอเมก้า 3 นั้นมีความสำคัญต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ทั่วทั้งร่างกาย สัมพันธ์กับการสร้างฮอร์โมนเพื่อควบคุมการแข็งตัวของเลือด รวมถึงการหดหรือคลายตัวของผนังหลอดเลือดแดง เป็นแหล่งพลังงานและช่วยให้หัวใจ ปอด และระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ตามปกติ เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสมองและจอประสาทตาของทารกในครรภ์ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจช่วยควบคุมอาการของโรคลูปัส (Lupus) โรคผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โอเมก้า 3 จากพืช เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า อาหารที่เป็นแหล่งของโอเมก้า […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

น้ำผึ้ง ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

น้ำผึ้ง เป็นของเหลวสีเหลืองใส ลักษณะข้นเหนียวและมีรสหวาน ซึ่งผึ้งผลิตจากน้ำหวานของดอกไม้ หรือน้ำหวานที่แมลงบางชนิดหลั่งออกมา โดยทั่วไป กลิ่น รสชาติ และความเข้มอ่อนของสีเหลืองของน้ำผึ้งมักแตกต่างกันไปตามชนิดดอกไม้ที่ผึ้งไปเอาน้ำหวานมา ทั้งนี้ การบริโภคน้ำผึ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น อาจช่วยบรรเทาอาการไอ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคอ้วน [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของ น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 304 กิโลแคลอรี่ รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต 82.4 กรัม โปรตีน 0.3 กรัม โพแทสเซียม 52 มิลลิกรัม แคลเซียม 6 มิลลิกรัม โซเดียม 4 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 2 มิลลิกรัม วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม ฟลูออรีน 7 ไมโครกรัม นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

หลักการกิน ‘อาหารเพื่อสุขภาพ’ รักษาโภชนาการให้สมดุล

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลายและให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของเราให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรคต่างๆ แต่ยังส่งผลต่ออารมณ์อีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนเราควรได้รับพลังงานวันละประมาณ 2,000 แคลอรีต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ ทั้งนี้ ระดับของพลังงานงานที่ร่างกายควรได้รับอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน  และแน่นอนว่าความไม่สมดุลของสารอาหารและการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการจะนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ดังนั้น ในบทความนี้จึงได้รวบรวมหลักการกินอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อรักษาโภชนาการที่สมดุลมาฝากกัน การรักษาโภชนาการให้สมดุลมีความสำคัญอย่างไร ? การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ที่มีสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยทำให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลนั้นจะทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย มีปัญหาสุขภาพ รวมถึงเป็นสาเหตุของอาการอ่อนล้าและเหนื่อยเพลีย ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล เช่น รับประทานโปรตีนน้อยเกินไป การรับประทานแป้งขัดสีมากเกินไป หรือ การดื่มน้ำที่ไม่เพียงพอต่อร่างกายอาจทำให้รู้สึกหิวง่ายได้อีกด้วย  กินอาหารเพื่อสุขภาพให้สมดุล ไม่ป่วย ต้องกินอย่างไร ? ดื่มน้ำให้เพียงพอ 8 แก้วต่อวัน การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรดื่มประมาณ 2 ลิตร หรือประมาณ 8 แก้วต่อวันเนื่องจากภาวะขาดน้ำจะส่งผลต่อระดับอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปากแห้งเป็นขุย รู้สึกไม่สดชื่น และเวียนศีรษะง่าย นอกจากนี้ การดื่มน้ำที่เพียงพอยังช่วยปรับสมดุลค่า pH ในร่างกายให้เป็นปกติได้ ทั้งนี้ นอกจากน้ำดื่มธรรมดาแล้วการดื่มน้ำอัลคาไลน์หรือน้ำด่างที่มีค่า […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม