สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

วัคซีนบาดทะยัก ผู้ใหญ่ กี่เข็ม และเมื่อไหร่ถึงควรฉีด

เมื่อเกิดแผลบนร่างกายจนเลือดออก หลายคนจะนึกถึง โรคบาดทะยัก โดยเฉพาะตอนที่ถูกของมีคมซึ่งขึ้นสนิมบาดร่างกาย จริง ๆ แล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ป้องกันได้หรือไม่ วัคซีนบาดทะยัก เมื่อฉีดให้ผู้ใหญ่ ต้องฉีดวัคซีนกี่เข็ม  [embed-health-tool-bmi] โรคบาดทะยัก คืออะไร โรคบาดทะยัก (Tetanus) จัดว่าเป็นโรคติดเชื้อที่อยู่ในกลุ่มของโรคทางประสาทและกล้ามเนื้อ สาเหตุของโรคบาดทะยัก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า Clostidium tetani ซึ่งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะผลิต Exotoxin มีพิษต่อเส้นประสาทซึ่งควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เกิดเป็นอาการหดเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา อาการเริ่มแรกของโรคบาดทะยัก กล้ามเนื้อขากรรไกรจะเกร็ง จนอ้าปากไม่ได้ โรคบาดทะยัก จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า โรคขากรรไกรแข็ง (Lockjaw) ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคอแข็ง หลังแข็ง จากนั้นจะเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว และเสี่ยงต่ออาการชัก เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในรูปแบบของสปอร์ พบได้ในดินตามพื้นหญ้า ในสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยมูลสัตว์ และพบได้ในลำไส้ของคนและสัตว์ โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล แบ่งตัวและขับ Exotoxin ออกมา โดยเฉพาะในแผลลึกที่เชื้อจะเจริญแบ่งตัวได้ดี  เช่น  บาดแผลจากตะปูตำ  แผลไฟไหม้  แผลจากน้ำร้อนลวก  เกิดผิวหนังถลอกเป็นบริเวณกว้าง  เกิดบาดแผลในปาก ฟันผุ  เชื้อแบคทีเรียเข้าทางหูที่อักเสบ จากการใช้เศษไม้หรือต้นหญ้าที่มีเชื้อ มาแคะฟันหรือแยงในใบหู อาการของโรคบาดทะยัก ระยะจากที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้ มีอาการคอแข็ง  หลังจากอาการแรก […]

สำรวจ สุขภาพ

การทดสอบทางการแพทย์

ตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ (Breast Biopsy)

ตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ (Breast Biopsy) เป็นกระบวนการที่ได้รับการแนะนำจากผู้ดูแลสุขภาพ เพื่อนำเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อเต้านมชิ้นส่วนเล็กๆ ไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินผลบริเวณที่ต้องสงสัยของเต้านม ว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ ข้อมูลพื้นฐานตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ คืออะไร ตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ (Breast Biopsy) เป็นกระบวนการที่ได้รับการแนะนำจากผู้ดูแลสุขภาพ เพื่อนำเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อเต้านมชิ้นส่วนเล็กๆ ไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินผลบริเวณที่ต้องสงสัยของเต้านม ว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยกระบวนการตัดชิ้นเนื้อเต้านมเพื่อส่งตรวจนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน เช่น การใช้เข็มเจาะตัดเนื้อเยื่อ (Core Needle Biopsy) การเจาะดูดเซลล์ (Fine Needle Aspiration หรือ FNA) การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อทั้งก้อนออกไปตรวจ (Excisional Biopsy) การตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจจะให้ตัวอย่างของเนื้อเยื่อเต้านม ที่แพทย์สามารถใช้เพื่อระบุและวินิจฉัยความผิดปกติในเซลล์ที่ทำให้เกิดก้อนในเต้านม ความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติอื่นๆ ของเต้านม ข้อสงสัยหรือข้อกังวลที่พบจากการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) หรืออัลตราซาวด์ (Ultrasound) โดยผลจากการตรวจชิ้นเนื้อเต้านมจะช่วยให้แพทย์บ่งชี้ได้ว่า จำเป็นต้องมีการผ่าตัดหรือการรักษาอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ ความจำเป็นในการ ตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ สาเหตุของการตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ มีดังนี้ คุณหรือแพทย์รู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อในเต้านม และแพทย์สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งเต้านม ผลการตรวจเต้านมด้วยแมมโมแกรม แสดงให้เห็นบริเวณที่น่าสงสัยในเต้านม สแกนด้วยอัลตราซาวด์แล้วพบสิ่งต้องสงสัย ตรวจเอ็มอาร์ไอ (MRI) ที่เต้านมแล้วพบสิ่งต้องสงสัย มีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติบริเวณหัวนม หรือรอบหัวนม ทั้งตกสะเก็ด ลอก มีรอบบุ๋ม หรือมีสารคัดหลั่งเป็นเลือด ข้อควรรู้ก่อนตรวจข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการ ตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ ข้อมูลทั่วไปที่คุณควรทราบก่อนเข้ารับการตัดชิ้นเนื้อเต้านมส่งตรวจ ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตรวจชิ้นเนื้อเต้านม […]


อาการของโรค

อาการเจ็บหน้าอก สัญญาณของหลายโรคร้ายที่ไม่ควรเพิกเฉย

อาการเจ็บหน้าอก เป็นสิ่งที่ไม่ควรเพิกเฉยด้วยประการทั้งปวง หลายคนมักคิดว่า อาการเจ็บหน้าอกเป็นอาการของโรคหัวใจ แต่อาการนี้อาจบ่งชี้ถึงอาการโรคอื่นๆ ที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เช่น โรคเกี่ยวกับปอด หลอดอาหาร ซี่โครง เส้นประสาท ล้วนนำไปสู่อาการเจ็บหน้าอกได้ บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการเจ็บหน้าอก เพื่อที่คุณจะสามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาได้ทันท่วงที อาการเจ็บหน้าอก คืออะไร อาการเจ็บหน้าอกอาจเกิดขึ้นได้บริเวณตั้งแต่ลำคอ เรื่อยไปจนถึงหน้าท้องส่วนบน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ ความรุนแรงของอาการเจ็บหน้าอกมีหลายระดับ คุณอาจรู้สึกเจ็บแปลบ ปวดตื้อๆ แสบร้อน ปวดหรือเจ็บเหมือนถูกแทง นอกจากนี้ คุณอาจมีความรู้สึกแน่นหน้าอก หรือมีความรู้สึกเหมือนถูกบีบที่กลางอก คุณควรเข้าพบหมอ หากเกิดอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเกิดอาการเฉียบพลัน และอาการไม่หายไป แม้จะใช้ยาระงับอาการหรือปรับพฤติกรรมแล้วก็ตาม ในกรณีที่อาการเจ็บหน้าอกเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินทันที เกิดอาการแน่นหน้าอก หรือรู้สึกเหมือนถูกบีบบริเวณใต้กระดูกหน้าอก เกิดปัญหาที่กราม แขนข้างซ้าย หรือหลังจากอาการเจ็บหน้าอก เกิดอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกพร้อมกับหายใจถี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน เจ็บหน้าอกพร้อมกับอาการคลื่นไส้ อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นหรือหายใจถี่ มึนงง หน้าซีด เหงื่อออกมากผิดปกติ ความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง หรืออัตราการเต้นของหัวใจต่ำมาก อาการเจ็บหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของโรคเหล่านี้ โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับหัวใจหลายโรคเป็นสาเหตุที่พบกันบ่อยของอาการเจ็บหน้าอก โรคหลอดเลือดหัวใจ สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกแบบปวดเค้น อาการเจ็บหน้าอกประเภทนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอ อาจกระจายไปสู่การเจ็บแขน ไหล่ กราม หรือหลังได้ ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการหัวใจวาย เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ อาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (Myocardial Infarction) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ (primary biliary cirrhosis)

ตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ (primary biliary cirrhosis) เป็นโรคที่ท่อน้ำดีในตับค่อยๆ ถูกทำลาย จนมีสารอันตรายสะสมในตับ และนำไปสู่การเกิดตับแข็ง ถือเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองอย่างหนึ่ง คำจำกัดความ โรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ คืออะไร ตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ (primary biliary cirrhosis) หรือที่บางครั้งเรียกว่า PBC เป็นโรคที่ท่อน้ำดีในตับค่อยๆ ถูกทำลาย น้ำดีเป็นของเหลวที่ตับผลิตขึ้น มีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร และช่วยกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้ว คอเลสเตอรอล และสารพิษต่างๆ เมื่อท่อน้ำดีถูกทำลาย อย่างเช่นในกรณีของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ สารอันตรายอาจสะสมตัวอยู่ในตับ และบางครั้งก็นำไปสู่แผลเป็นในเนื้อเยื่อตับอย่างถาวร หรือที่เรียกว่าตับแข็ง โรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ ถือเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองอย่างหนึ่ง ซึ่งร่างกายจะหันมาโจมตีเซลล์ของตัวเอง นักวิจัยคิดว่ามันถูกกระตุ้นจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม ปกติแล้ว โรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิจะพัฒนาขึ้นมาอย่างช้าๆ และการกินยาสามารถชะลออาการไม่ให้กำเริบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเริ่มต้นรักษาแต่เนิ่นๆ โรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิพบบ่อยแค่ไหน โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ อาการทั่วไปของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิคือ อาการคัน หรือคันอย่างรุนแรง เหนื่อยล้า ผิวเหลือง และบางส่วนของตาเป็นสีเหลือง (โรคดีซ่าน) ปวดท้องส่วนบนขวา ตาและปากแห้ง ช่องคลอดแห้ง หากตับของผู้ป่วยเสียหายอย่างรุนแรง อาจมีโรคแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับอาการท่อน้ำดีอักเสบ (Cholangitis) เช่น ของเหลวสะสมอยู่ในท้อง หรือภาวะมีน้ำในเยื่อบุช่องท้อง เลือดออกที่เส้นเลือดใหญ่ในหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและทวารหนัก หรือที่เรียกว่า เลือดออกที่หลอดเลือดขอด กระดูกบางก่อนวัยอันควร (โรคกระดูกพรุน) อาจมีอาการที่ไม่ได้ระบุถึงข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด หากคุณมีสัญญาณหรืออาการที่ระบุข้างต้นหรือมีคำถามอื่นๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่างกัน ทางที่ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์ว่า อะไรเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของคุณ สาเหตุ สาเหตุของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพิจารณาว่า โรคนี้เป็นโรคแพ้ภูมิตนเองชนิดหนึ่งที่ร่างกายโจมตีเซลล์ของตนเอง โรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิเกิดขึ้นได้อย่างไร การติดเชื้อของโรคตับแข็งชนิดบิลิอารีปฐมภูมิ เริ่มต้นเมื่อเม็ดเลือดขาวชนิด T (T cells) […]


การทดสอบทางการแพทย์

ตรวจกรดยูริกในเลือด ข้อมูลพื้นฐาน และข้อควรรู้

ตรวจกรดยูริค หรือ การตรวจกรดยูริกในเลือด (Uric Acid Bolld Test) เป็นการระบุปริมาณของกรดยูริกที่มีอยู่ในตัวอย่างเลือด ซึ่งอาจช่วยในการประเมินสุขภาพร่างกาย อาการของโรค รวมไปถึงเพื่อช่วยในการควบคุมระดับของกรดยูริคในเลือดสำหรับผู้ที่มีภาวะบางอย่าง เช่น เกาต์ นิ่ว หรือกำลังรับการทำเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง [embed-health-tool-bmi] ข้อมูลพื้นฐาน การตรวจกรดยูริกในเลือด คืออะไร การตรวจกรดยูริกในเลือด (Uric Acid Bolld Test) เป็นการระบุปริมาณของกรดยูริกที่มีอยู่ในตัวอย่างเลือด อาหารที่คุณรับประทาน และกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ เป็นวิธีทั่วไปในการสังเคราะห์กรดยูริก ไตเป็นอวัยวะที่ช่วยในการกรองกรดยูริก ตามปกติแล้ว กรดยูริกจะขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ หรืออาจผ่านทางอุจจาระในบางกรณี บางครั้ง ระดับของกรดยูริกในเลือดจะเพิ่มขึ้นเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหรือผลิตกรดยูริกออกมากเกินไป ผู้ที่มีกรดยูริกในร่างกายมากเกินไป มักจะต้องทรมานกับอาการที่มีผลึกแข็งเกิดขึ้นภายในข้อต่อ อาการปวดแบบนี้มักเรียกว่าโรคเกาต์ (gout) หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ผลึกกรดยูริกเหล่านี้อาจจะสมในข้อต่อและเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้เกิดเป็นก้อนแข็งเรียกว่าโทฟี (tophi) ระดับกรดยูริกสูงยังอาจทำให้เกิดนิ่วในไต หรือไตวายได้ ความจำเป็นในการ ตรวจกรดยูริกในเลือด ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีระดับของกรดยูริกสูง หรือสงสัยว่าอาจมีอาการของโรคเกาต์ มักได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการตรวจกรดยูริกในเลือด นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังทำเคมีบำบัด หรือการฉายรังสีบำบัด ก็มักจะต้องเข้ารับการตรวจนี้เช่นกัน เพื่อรักษาระดับของกรดยูริกให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ในบางกรณี สำหรับผู้ที่มีอาการนิ่วในไตกำเริบ หรือเป็นโรคเกาต์ แพทย์อาจให้เข้ารับการตรวจกรดยูริกในเลือด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการเกิดนิ่ว ข้อควรรู้ก่อนตรวจ ข้อควรรู้ก่อนการ ตรวจกรดยูริกในเลือด การตรวจกรดยูริกในเลือด เป็นขั้นตอนเพื่อทำให้แน่ใจว่า บุคคลนั้นเป็นโรคเกาต์หรือไม่ เพราะถึงแม้จะมีระดับของกรดยูริกสูง และมีอาการปวดข้อ ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับโรคเกาต์เสมอไป นอกจากนี้ ยังอาจมีการวัดระดับของกรดยูริกในปัสสาวะ […]


การทดสอบทางการแพทย์

อาการเสียวฟัน กับสาเหตุที่คุณนึกไม่ถึง และวิธีดีๆ ในการรับมือ

หากคุณมี อาการเสียวฟัน คุณจะมีอาการปวดฟัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฟันสัมผัสกับสารหรืออุณหภูมิหนึ่งๆ เคลือบฟันเป็นปราการด่านแรกของฟันของคุณ หากเคลือบฟันเสียหาย ปลายเส้นประสาทจะเปิดออก ซึ่งทำให้เกิดอาการปวด อาการเสียวฟัน มักเป็นผลมาจากเคลือบฟันที่ถูกทำลาย วันนี้…เราจะลองมาหาค้นหาสาเหตุ เพื่อป้องกันอาการเสียวฟันและดูแลรักษาฟันกัน สาเหตุของ อาการเสียวฟัน นิสัยการแปรงฟัน หากคุณแปรงฟันแรงเกินไป หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็ง เคลือบฟันของคุณอาจถูกทำลายลงได้ ทำให้เนื้อฟันเปิดออก และเกิดอาการเหงือกร่น เหงือกร่น ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ มักมีอาการเหงือกร่น และเนื้อฟันเปิดออก เหงือกอักเสบ อาการเหงือกอักเสบอาจทำให้รากฟันเปิดออกได้ ฟันร้าว แบคทีเรียจากคราบพลัค อาจแทรกตัวเข้าไปตามรอยร้าวของฟันและทำให้เนื้อฟันอักเสบ ผู้ป่วยบางรายอาจมีโพรงหนองและแม้กระทั่งมีอาการติดเชื้อได้ การบดฟันหรือการกัดฟัน นิสัยดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อฟันได้ ผลิตภัณฑ์ทำให้ฟันขาว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้สารเคมีที่รุนแรง เพื่อกำจัดรอยคราบบนฟัน อย่างไรก็ดี สารเคมีดังกล่าวยังอาจทำลายเคลือบฟันได้อีกด้วย พลัค การก่อตัวของคราบพลัคที่ฟัน การใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นเวลานาน กรดชนิดต่างๆ ที่พบได้ในน้ำยาบ้วนปากจำนวนมากที่วางจำหน่ายทั่วไป กรดเหล่านี้ทำให้อาการเสียวฟันที่เป็นอยู่แย่ลง และทำให้เนื้อฟันเสียหายมากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการใช้น้ำยาบ้วนปาก ให้เลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณที่พอเหมาะ อาหารที่มีกรด อาหารดังกล่าวสามารถทำลายเคลือบฟันได้ทีละน้อย กระบวนการทันตกรรม กระบวนการทันตกรรมบางประการ เช่น การขูดหินปูน การรักษารากฟัน การครอบฟัน และกระบวนการรักษาฟันประเภทอื่นๆ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการเสียวฟันได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการเสียวฟันจะหายไปเองหลังจาก 4 ถึง 6 สัปดาห์ การรับมือกับอาการเสียวฟัน ปฏิบัติต่อฟันของคุณอย่างอ่อนโยน ห้ามแปรงฟันแรงเกินไป ไม่เช่นนั้นคุณอาจมีความเสี่ยงในการทำลายสารเคลือบฟันของคุณได้ การแปรงฟันไปๆ มาๆ ตามแนวขวางของฟัน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการอ่อนเพลีย เติมพลังยังไงให้กลับมาเฟรชอีกครั้งอย่างทันใจ

อาการอ่อนเพลีย เป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ ในผู้ที่มีอายุเลยวัยกลางคนไปแล้ว อาการอ่อนเพลียอาจจะมีสาเหตุได้หลายประการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การออกกำลังอย่างหนัก การขาดสารอาหาร หรือการเจ็บป่วยต่างๆ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ เพราะยังมีอยู่หลายวิธีที่สามารถเรียกพลังงานกลับคืนมา ทำให้คุณกลับมาแข็งแรงสดใสได้อีกครั้ง เทคนิคการฟื้นฟูจาก อาการอ่อนเพลีย แบบง่ายๆ กระตุ้นร่างกายในตอนเช้าๆ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วก็ตาม การกระตุ้นร่างกายด้วยการเล่นโยคะท่าสุริยนมัสการ หรือแค่ยืดเส้นยืดสายแบบง่ายๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือด วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปได้ทั้งวันเลยนะ กระตุ้นร่างกายและสมองด้วยอาหารเช้า ในตอนเช้าๆ นั้น โปรตีนและไขมันคือสิ่งจำเป็นในการสร้างพลังงาน และอาหารเช้าที่มีประโยชน์ในปริมาณที่มากพอ ก็คือสิ่งที่ร่างกายต้องการ แล้วอาหารเช้าที่ดีที่สุดคืออะไรน่ะเหรอ? ก็น้ำปั่นเพื่อสุขภาพไง นี่เป็นอะไรที่เตรียมง่าย ย่อยง่าย และอุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน สารอาหาร และอินทรียสารจากพืช ที่ช่วยให้คุณมีพลังงานไปได้ทั้งวัน ลองหาสูตรน้ำปั่นอร่อยๆ ทางอินเตอร์เน็ตดูนะ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ อย่าปล่อยให้ชีวิตหยุ่งเหยิงไปตามภาระกิจที่วุ่นวายอยู่เลย ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แล้ว ต่อสู้กับความวุ่นวายรอบตัวคุณ แล้วเติมพลังให้กับร่างกาย ด้วยฟังเพลงที่ช่วยเยียวยาจิตใจซักสองสามนาที การให้เวลาตัวเองพักฟังเพลงนั้น จะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจรู้สึกสงบเยือกเย็นลงได้ ท่วงทำนองที่ฟังสบายๆ นั้น จะช่วยให้หัวใจของเราเต้นช้าลง และสูดอากาศเพื่อช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เรารู้สึกสบายใจสบายกายขึ้นมาทันที เพลงเร้กเก้ของบ๊อบ มาร์เล่ย์ และเสียงดนตรีบำบัดของโจนาธาน โกลด์แมน ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาหรือสถานที่ในการฟังเพลง ก็ลองใช้วิธีฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ดูนะ ดื่มน้ำเยอะๆ การขาดน้ำจะทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงาน และทำให้สมรรถภาพร่างกายถดถอยได้ ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การที่ร่างกายขาดน้ำจะทำให้นักกีฬาออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักได้ยากลำบากขึ้น พูดง่ายๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

นิสัยเสีย เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำร้ายสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด

นิสัยเสียๆอย่างเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนน้อย หรือการดื่มน้ำน้อย เป็นนิสัยที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่มีนิสัยเสียบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย จนคุณอาจละเลยที่จะแก้ไขมัน จนนิสัยเสียเล็กๆน้อยๆพวกนี้ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้มากกว่าที่คิด Hello คุณหมอได้รวบรวม นิสัยที่ทำร้ายสุขภาพ มาให้อ่านกันแล้วค่ะ  12 นิสัยที่ทำร้ายสุขภาพ กลั้นปัสสาวะ การกลั้นปัสสาวะเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค และทำให้ไตมีปัญหาได้ เวลาที่เราไม่ยอมปัสสาวะนั้น น้ำปัสสาวะจะไหลย้อนกลับไปที่ไตทำให้เกิดแรงกดขึ้นมา ซึ่งนั่นอาจทำให้มีการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี ฉะนั้นก็ควรปัสสาวะให้ได้วันละประมาณ 5-7 ครั้ง กัดเล็บ ผู้คนส่วนใหญ่จะชอบกัดเล็บเวลาที่เรามีเรื่องกลุ้มใจหรือวิตกกังวล แต่นั่นถือว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดี เนื่องจากจะเป็นการทำลายสภาพผิวของเล็บ และอาจทำให้เกิดอาการติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่การติดเชื้อในร่างกาย ที่ทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยได้ ใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป พวกเราส่วนใหญ่ และสังคมในการทำงานออฟฟิศปัจจุบัน มักจะใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้คกันเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้ดวงตาเกิดอาการเมื่อยล้าได้ และจะทำให้กระจกตามีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ดวงตาแห้ง และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วย ใช้ไหล่แบกของมากเกินไป เวลาที่เราสะพายถุงหนักๆไว้บนไหล่ข้างหนึ่งนั้น จะทำให้คอของเราเสียงสมดุลและเกิดอันตรายได้ โดยจะทำให้คอและแขนเกิดอาการชาได้ ฉะนั้น จึงไม่ควรใช้ไหล่ข้างเดียวในการแบกของ วิธีที่ดีกว่า คือ ใช้กระเป๋าเป้แบบสะพายหลังดีกว่า เพื่อความสมดุลของไหล่ เคี้ยวหมากฝรั่ง การเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้น แถมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมตัวของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากด้วย นอกจากนี้ยังสร้างแรงกดบริเวณกรามและทำให้เกิดฟันผุด้วย ฉะนั้นก็เคี้ยวหมากฝรั่งแค่ 5-10 นาทีพอ หลังจากเคี้ยวหมากฝรั่งเรียบร้อยแล้ว ควรบ้วนน้ำให้สะอาดด้วย  หักข้อนิ้วมือ การหักข้อนิ้วดังเป๊าะๆ นอกจากจะสร้างความรำคาญให้เพื่อนแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวคุณเองด้วย ในข้อนิ้วของเรานั้น      มีสสารบางอย่างที่เรียกว่า ‘ไขข้อ‘ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เทรนด์แฟชั่นอันตราย ทำร้ายสุขภาพ ความสวยที่มาพร้อมกับคราบน้ำตา

เชื่อว่าสาวๆ หลายคน ต่างก็เคยลองแต่งตัวตามแฟชั่น ให้สวย และทันสมัยตามกระแสสังคมในช่วงนั้นๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เทรนด์แฟชั่นเหล่านั้น อาจนำมาซึ่งภัยแฝงที่คาดไม่ถึง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างไม่น่าเชื้อ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ เทรนด์แฟชั่นอันตราย ที่ทำร้ายสุขภาพของทุกคน 8 เทรนด์แฟชั่นอันตราย ทำร้ายสุขภาพ รองเท้าส้นสูง ถึงแม้ผู้หญิงหลายคนชอบใส่ส้นสูง แต่คงมีไม่กี่คนหรอกมั้งที่รับรู้ถึงพิษภัยของมัน ซึ่งปัญหาที่เกิดจากรองเท้าส้นสูงนั้นก็คือกระดูกเท้าผิดรูป รวมทั้งทำให้เกิดอาการเคล็ดขัดยอกหรือข้อเท้าแพลงด้วย ผลการศึกษาวิจัยระบุว่าการใส่รองเท้าส้นสูงทำให้การบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อน่อง (ที่ช่วยส่งเลือดกับไปที่ร่างกายส่วนบน) ทำงานผิดปกติ การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการสังเกตผู้หญิงที่เดินเท้าเปล่า และเดินโดยใส่รองเท้าส้นสูงที่มีระดับความสูงต่างๆ กัน แล้วพบว่าระดับการสูบฉีดเลือดจะลดลงในขณะใส่ส้นสูง ฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากมีอาการปวดหลัง ก็หันมาใส่รองเท้าส้นเตี้ยๆ แทน กระเป๋าถือหนักๆ การถือกระเป๋าหนักๆ จะทำให้ปวดหลังและมีท่าทางผิดปกติ การแบกน้ำหนักไว้ที่ไหล่ข้างเดียวอาจสร้างแรงกดบริเวณเส้นประสาท ที่ทำให้รู้สึกตึงๆ หรือแม้แต่อาการเจ็บแปล๊บๆ ตั้งแต่คอเรื่อยไปจนถึงแขน นอกจากนี้ร่างกายอีกข้างหนึ่งก็ต้องคอยถ่วงดุลน้ำหนักเอาไว้ รวมทั้งยังต้องคอยยกไหล่ข้างหนึ่งเอาไว้ เพื่อช่วยไม่ให้สายกระเป๋าเลื่อนหลุดจากบ่า ฉะนั้นถ้าใครไม่อยากมีปัญหาปวดคอปวดไหล่ล่ะก็ ลองเปลี่ยนมาถือกระเป๋าที่มีขนาดเล็กลงซะ กางเกงยีนส์รัดรูป การใส่กางเกงยีนส์รัดรูปแม้จะทำให้ดูเซ็กซี่ขึ้นมาได้ก็จริง แต่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแอบแฝงอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือโรคการกดทับของเส้นประสาทเลี้ยงผิวหนังบริเวณต้นขาด้านนอก ซึ่งจะมีอาการชาบริเวณขา นอกจากนี้การใส่กางเกงที่คับมากๆ อาจทำให้เกิดแรงกดบริเวณท้อง ส่งผลให้เกิดอาการมวนท้อง และอาการแสบร้อนกลางอกได้ ถ้าคุณอยากใส่กางเกงรัดรูปจริงๆ ก็ขอแนะนำให้ใส่กางเกงผ้ายืด ซึ่งจะแนบไปกับเรือนร่างโดยไม่สร้างปัญหาให้กับระบบหมุนเวียนของเลือด กางเกงในจีสตริง กางเกงในแบบนี้ช่วยให้คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายสามารถใส่กางเกงแนบเนื้อได้แบบไม่เห็นรอยกางเกงใน แต่วัสดุที่เป็นใยสังเคราะห์นั้นอาจเปิดโอกาสให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตขึ้นมาได้ นอกจากนี้วัสดุที่มีความหยาบนั้น ยังอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองจากการเสียดสี และทำให้เกิดการติดเชื้อกับผิวที่บอบบางได้ ฉะนั้นหันมาใส่กางเกงใสที่ทำจากผ้าฝ้าออร์แกนิก ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่านะ คอร์เซ็ต คอร์เซ็ต […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

10 พฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ ถ้ายังไม่ยอมหยุด อายุสั้นแน่!

พฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ บางอย่างก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพแค่นิดๆ หน่อยๆ นะ แต่อาจถึงขึ้นทำให้เรามีอายุสั้นลงได้เลยนะ ฉะนั้น ถ้าใครอยากจะมีอายุยืนยาว ก็หยุดทำอะไรที่ไม่ดีพวกนี้ซะ 10 พฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ ที่ควรหลีกเลี่ยง 1. ไม่ยอมเลิกสูบบุหรี่ พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่นอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากด้วย คนที่สูบบุหรี่ส่วนใหญ่ก็มักจะเสพติดสารนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่ ดังนั้น จึงทำให้คนที่ติดบุหรี่เลิกได้ยากมาก หรือเลิกไปแล้วก็มักกลับมาสูบใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่คุณควรรู้เอาไว้นะว่าการสูบบุหรี่นั้น ก่อให้เกิดโรคขึ้นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง ภูมิต้านทานต่ำ มีบุตรยาก การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โรคทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และอื่นๆ อีกมากมาย 2. ไม่ยอมจัดการกับความเครียด ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า…ความเครียดนิดๆ หน่อยๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรานั้นเป็นเรื่องปกติ และคงไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราหรอก ซึ่งถ้าใครคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะงานวิจัยหลายต่อหลายชิ้นต่างยืนยันว่า ความเครียดคือรากฐานที่ทำให้เกิดโรคภัยขึ้นได้มากมายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่เราจะต้องใช้มาตรการในการควบคุมความเครียดของเราเอาไว้ การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ การฟังเพลงสบายๆ ก็ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างมากเลยนะ 3. ทนอยู่ในบริเวณที่มีคนสูบบุหรี่ ก็อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละว่า…การสูบบุหรี่นับเป็นพฤติกรรมที่แย่มากๆ ซึ่งก่อพิษภัยให้กับสุขภาพร่างกายของเราได้อย่างมากมาย แต่ถึงแม้คุณจะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ถ้าได้สูดควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบบ่อยๆ เข้า สุขภาพร่างกายของคุณก็จะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับคนสูบบุหรี่นั่นแหละ นอกจากนี้การสูดควันบุหรี่มือสองเข้าไปนั้น ยังก่อให้เกิดโรคที่เป็นอันตรายได้มากมายด้วย รวมทั้งโรคมะเร็งปอด ฉะนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองเอาไว้ อย่าเดินเข้าใกล้คนที่สูบบุหรี่จะเป็นการดีที่สุด 4. กินอะไรตามอารมณ์ การกินอะไรตามอารมณ์ก็คล้ายๆ กับการกินตามใจปากนั่นแหละ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการเมาค้าง ปัญหาแสนหงุดหงิดของนักดื่ม สามารถป้องกันได้

ดื่มหนักทีไร วันถัดไปอาการ เมาค้าง ตามมาเสียทุกที อีกทั้งบางคนที่มี อาการเมาค้าง อาจจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะฟื้นตัว และกลับมาเข้าสู่การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติอีกครั้ง แต่ไม่ต้องกังวลกันไปค่ะ เพราะบทความของ Hello คุณหมอ วันนี้มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องทุกข์ทรมานกับ อาการเมาค้าง มากฝากทุกคนกัน วิธีแก้ อาการเมาค้าง หลังจากดื่มหนัก วิธีแก้อาการเมาค้าง นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี แต่มีเพียงไม่กี่วิธีที่ได้รับการทดสอบทางวิทยศาสตร์ หรือพิสูจน์แล้วว่าได้ผล อาหารเมาค้างคือสิ่งที่บางคนต้องพบในตอนเช้าหลังจากดื่มหนักในตอนเย็น อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แก่ ปวดศีรษะ ภาวะขาดน้ำ เหนื่อยง่าย คลื่นไส้และอาเจียน ความรุนแรงของ อาการเมาค้าง ของแต่ละคนอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป มีอาหารหรือน้ำที่ดื่มเข้าไปด้วยหรือไม่ หากไม่อยากตื่นมาแล้วมีการเมาค้าง คุณสามารถปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้ เพื่อแก้อาการเมาค้างให้หายไป และพร้อมลุกขึ้นมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างสดชื่น ตรวจสอบฉลากบนผลิตภัณฑ์ ลองมองหาเครื่องหมายเปอร์เซ็นต์บนขวด เพื่อดูปริมาณแอลกอฮอล์เป็นเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเครื่องดื่ม (Alcohol by Volume หรือ ABV) พยายามเลือกเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เป็นเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเครื่องดื่มในปริมาณที่น้อยลง เพื่อให้ร่างกายได้รับแอลกอฮอล์น้อยลง และลดความเสี่ยงต่อการเกิด อาการเมาค้าง ในวันถัดไป วัดปริมาณเครื่องดื่ม การวัดปริมาณเครื่องดื่มถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการวัดปริมาณเครื่องดื่ม และตระหนักถึงปริมาณที่พวกเขาดื่มเข้าไป เมื่อดื่มที่บ้านบางคนอาจใช้มาตรการที่สำคัญกว่านี้ หรือบางคนอาจจะไม่ตระหนักถึงปริมาณของการดื่ม สิ่งเหล่านี้อาจทำให้แต่ละคนดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ไม่สามารถจำกัดได้ กำหนดจังหวะการดื่มของตัวเอง คนที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างช้าๆ จะมีโอกาสน้อยที่จะมีอาการเมาค้างอย่างรุนแรงในวันรุ่งขึ้น […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม