มูกไข่ตก เป็นอย่างไร ส่งผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่
ไข่ตกเป็นกลไกธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับร่างกายผู้หญิง เมื่อถึงวัยมีประจำเดือน โดยไข่ตกจะใช้เวลาเฉลี่ยรอบละ 28 – 35 วัน นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมา ซึ่งวันไข่ตกจะเป็นวันที่ไข่สุกออกจากรังไข่ จากนั้นไปยังส่วนปลายของท่อนำไข่ สำหรับมูกไข่ตกเป็นสัญญาณของร่างกายบ่งบอกว่าเป็นช่วงวันไข่ตก คนที่วางแผนมีลูกควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้ [embed-health-tool-ovulation] มูกไข่ตก เป็นอย่างไร มูกไข่ตกจะมีลักษณะเป็นของเหลวที่ร่างกายผลิตออกมา ซึ่งจะขับออกจากปากมดลูก มูกชนิดนี้จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มูกช่องคลอด (Cervical Mucus) หรือตกขาว โดยมูกไข่ตกหลั่งออกมาจากต่อมบริเวณปากมดลูก ไม่เหมือนกับน้ำหล่อลื่นที่หลั่งจากช่องคลอด (Vagina) ลักษณะของมูกไข่ตกและปริมาณของมูกสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นมูกไข่ตกให้หลั่งออกมา เพราะช่วงระหว่างรอบเดือน ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น ลักษณะของมูกช่องคลอด ลักษณะของมูกไข่ตกหรือมูกช่องคลอด จะเปลี่ยนแปลงในรอบ 28 วัน สำหรับผู้ที่วางแผนการมีบุตร สามารถสังเกตมูกไข่ตกได้ดังนี้ มูกช่องคลอดหลังหมดรอบเดือน : หลังจากมีประจำเดือนไปแล้ว ร่างกายจะผลิตมูกช่องคลอดออกมาน้อย อาจพบว่ามูกจะมีลักษณะแห้ง ๆ หรือเหนียวข้น แต่พบได้น้อยมาก มูกก่อนไข่ตก : ลักษณะของมูกจะเริ่มมีสีขาวคล้ายครีม อาจมีความข้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มูกไข่ตก : ก่อนวันไข่ตกเล็กน้อย มูกจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีใส ๆ คล้ายไข่ขาวดิบ จนถึงวันไข่ตก มูกจะเหนียวใส ลื่นแล้วยืดหยุ่นดี แสดงถึงความชุ่มชื้นสูง ผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์สามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ […]