backup og meta

ไขข้อข้องใจ ทำไมเราถึง ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ กันนะ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 29/01/2024

    ไขข้อข้องใจ ทำไมเราถึง ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ กันนะ

    กาแฟนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก หลายคนที่ ดื่มกาแฟ นั้นไม่ได้เพียงแค่หวังผลจากคาเฟอีนที่ช่วยให้ตื่นตัว แต่ยังอาจดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติของกาแฟอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คนบางคนอาจจะไม่สามารถดื่มกาแฟได้ เพราะดื่มทีไร ก็ต้องรู้สึกคลื่นไส้ตามมาทุกที วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาช่วยไขข้อข้องใจ ว่าทำไมบางคนถึงมีอาการ ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ กันแน่

    สาเหตุที่ทำให้เรา ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้

    สาเหตุที่ทำให้เรามีอาการคลื่นไส้เมื่อ ดื่มกาแฟ สามารถแยกออกได้เป็นสาเหตุหลักๆ ดังนี้

    คาเฟอีน

    หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการคลื่นไส้จากการ ดื่มกาแฟ เป็นเพราะคาเฟอีนที่มีอยู่มากในกาแฟนั่นเอง ร่างกายของคนเรานั้นจะมีความไวต่อคาเฟอีน (Caffeine Sensitivity) ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะสามารถ ดื่มกาแฟ ได้เยอะ ๆ โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงผลข้างเคียงที่มาจากคาเฟอีนเลย ในขณะที่บางคน แค่จิบกาแฟเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเกิดใจสั่น ปวดหัว และคลื่นไส้ได้

    ความไวต่อคาเฟอีนนั้น อาจทำให้ผู้ที่ได้รับคาเฟอีนแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถเกิดอาการคล้ายกับผู้ที่บริโภคคาเฟอีนมากเกินขนาด (Caffeine Overdose)

    อาการของการบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดนั้น อาจมีตั้งแต่ อาการเบา ๆ ที่ไม่เป็นอันตราย อย่างเช่น

    • วิงเวียน
    • กระหายน้ำ
    • นอนไม่หลับ
    • ปวดหัว
    • ท้องเสีย
    • คลื่นไส้

    ไปจนถึงอาการที่รุนแรง และควรติดต่อรับการรักษาในทันที เช่น

    • หายใจไม่ออก
    • อาเจียน
    • มองเห็นภาพหลอน
    • สับสน
    • เจ็บหน้าอก
    • หัวใจเต้นผิดปกติ
    • ชัก

    การป้องกัน : หนทางในการป้องกันอาการคลื่นไส้ที่มาจากคาเฟอีนในกาแฟ คือ การบริโภคกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ และอย่าดื่มกาแฟปริมาณมาก ๆ ในคราวเดียว หรือหลีกเลี่ยงกา รดื่มกาแฟ ขณะท้องว่าง เพราะเมื่อเราท้องว่าง ร่างกายก็จะสามารถดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟได้มากกว่าปกติ

    ส่วนผู้ที่มีความไวต่อคาเฟอีนมาก แต่ยังอยาก ดื่มกาแฟ ก็อาจมองหาทางเลือกเป็นกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน หรืออาจจะรับประทานอาหารให้พลังงานในรูปแบบอื่น ๆ เช่น อาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูง ก็สามารถทำให้เรารู้สึกสดชื่นได้ โดยไม่ต้องระวังผลข้างเคียงจากคาเฟอีน

    กรดเกินในกระเพาะ

    จริง ๆ แล้ว กาแฟนั้นมีความเป็นกรดมากกว่าที่หลายคนคิด เมื่อความเป็นกรดในกาแฟนั้นไปเจอกับกรดในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะ หากเรา ดื่มกาแฟ ในขณะที่หิวจัด หรือท้องว่าง อาจจะทำให้ในระบบทางเดินอาหารมีกรดมากจนเกินไป ทำให้เกิดความระคายเคืองในทางเดินอาหาร แล้วอาจนำไปสู่อาการต่าง ๆ ได้ เช่น

    การป้องกัน : การป้องกันไม่ให้ในทางเดินอาหารมีกรดมากเกินไปจากการ ดื่มกาแฟ คือ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการ ดื่มกาแฟ ขณะท้องว่าง แต่ควรมีอาหารรองท้อง เช่น ขนมปัง  เค้ก อยู่ก่อน แล้วจึงค่อย ดื่มกาแฟ นอกจากนี้ ก็ควรค่อย ๆ จิบกาแฟอย่างช้ าๆ ไม่ใช่ดื่มพรวดเดียวจนหมด เพื่อให้ร่างกายสามารถรับมือกับกรดที่อยู่ในกาแฟได้อย่างเหมาะสม

    ภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติ (Lactose intolerance)

    โดยส่วนใหญ่แล้ว คนไทยมักจะนิยม ดื่มกาแฟ เย็นที่มีส่วนผสมของนม เพื่อช่วยเจือจางไม่ให้กาแฟมีรสเข้มจนเกินไป แต่นมที่อยู่ในกาแฟนั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการคลื่นไส้ได้เช่นกัน

    แลคโตส (Lactose) หรือที่บางคนเรียกว่า “น้ำตาลนม” เป็นน้ำตาลที่สามารถพบในน้ำนมของสัตว์ต่าง ๆ เช่น นมวัว หรือนมแพะ โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะสามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ โดยใช้เอนไซม์ที่สามารถพบได้ในลำไส้ แต่หลาย ๆ คนอาจจะมีภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ หรือย่อยได้ไม่ดีพอ

    อาการที่พบได้บ่อยของภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติคือ

    • คลื่นไส้
    • ท้องเสีย
    • อาเจียน
    • ท้องอืด
    • เรอเปรี้ยว
    • ปวดท้อง

    การป้องกัน : การป้องกันอาการคลื่นไส้ที่มาจากภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติเมื่อ ดื่มกาแฟ คือ การเลือก ดื่มกาแฟ ดำที่ไม่ใส่นม หรืออาจจะเลือกนมใส่กาแฟที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส ที่สามารถพบซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ การ ดื่มกาแฟ พร้อมกับขนมปัง หรืออาหารรองท้อง ก็สามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้เช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 29/01/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา