backup og meta

อาการไมเกรน การรักษาและป้องกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 14/12/2021

    อาการไมเกรน การรักษาและป้องกัน

    อาการไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะรุนแรง มักเกิดขึ้นบริเวณศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง หรือบางคนอาจมีอาการปวดทั่วทั้งศีรษะ และมักมาพร้อมกับอาการปวดเบ้าตา คลื่นไส้ อาเจียน มีความรู้สึกไวต่อแสง เสียง และกลิ่น ไมเกรนอาจมีอาการเกิดขึ้นยาวนานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน จนอาจกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน

    ไมเกรน คืออะไร

    ไมเกรน คือ อาการปวดศีรษะรุนแรง มักเกิดขึ้นบริเวณศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจมีอาการปวดทั่วศีรษะ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ปัจจัยบางประการอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไมเกรนได้ เช่น ความเครียด พันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (เช่น สภาพอากาศร้อน) อาหารที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาขยายหลอดเลือดที่อาจกระตุ้นอาการไมเกรน เช่น ไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerin) ไมเกรนอาจมีอาการเตือนอื่น ๆ เกิดขึ้นก่อนปวดศีรษะ เช่น หน้ามืด รู้สึกเสียวแปล๊บที่ใบหน้า แขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่ง มีปัญหาในการพูด แต่ผู้ป่วยบางรายก็อาจไม่มีอาการเตือนใด ๆ เกิดขึ้น

    อาการไมเกรน ที่พบบ่อย

    อาการไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาจแบ่งได้เป็น 4 ระยะ แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องมีอาการทุกระยะ ดังนี้

    1. ระยะอาการบอกเหตุ (Prodrome)

    บางคนอาจมีอาการบอกเหตุก่อนเป็นไมเกรนประมาณ 1-2 วัน หรือมากกว่านั้น โดยสามารถสังเกตได้จากอาการดังนี้

    • คอตึง ไม่สบายตัว ร้อน ๆ หนาว ๆ
    • เหนื่อยล้า หาวบ่อย เหงื่อออกมาก
    • รู้สึกไวต่อแสง เสียงและกลิ่น
    • อารมณ์แปรปรวน เช่น เปลี่ยนจากซึมเศร้าเป็นมีความสุขอย่างรวดเร็ว
    • ท้องผูกหรือท้องเสีย ท้องอืด ปัสสาวะมากขึ้น
    • อยากอาหารหรือเบื่ออาหาร กระหายน้ำมากขึ้น

    2. ระยะอาการเตือน (Aura)

    อาการเตือนในบางคนอาจเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างเป็นไมเกรน อาการในระยะนี้เป็นอาการทางระบบประสาทที่มักเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และยาวนาน อาการอาจเกิดขึ้นนานถึง 60 นาที ดังนี้

    • มีปัญหาในการมองเห็น เช่น เห็นรูปทรงต่าง ๆ จุดสว่าง แสงวาบ จุดสีดำ เส้นหยัก ภาพหลอน
    • มีเสียงดังในหู
    • รับรส กลิ่น หรือสัมผัสเปลี่ยนแปลงไป
    • ตาพร่าหรือสูญเสียการมองเห็น
    • รู้สึกหนักที่แขน ขา หรือเสียวแปล๊บเหมือนมีเข็มจิ้ม
    • ชาที่ใบหน้าหรือร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง
    • อ่อนแรง พูดลำบาก
    • หมดสติ

    3. ระยะแสดงอาการปวดศีรษะ (Attack)

    อาการไมเกรนอาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเว้นระยะห่างเป็นเดือน ทั้งนี้ อาจขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และอาการอาจเกิดขึ้นเป็นเวลานาน 4-72 ชั่วโมง หากไม่ได้รับการรักษา ดังนี้

    • ปวดข้างเดียวหรือปวดทั้ง 2 ข้าง
    • อาการปวดศีรษะอาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดขึ้นเป็นจังหวะ
    • มีความรู้สึกไวต่อแสง เสียง กลิ่นและสัมผัส
    • คลื่นไส้และอาเจียน
    • อาจรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หรือหมดสติ

    อาการปวดศีรษะไมเกรนมักเกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในบางคนอาจปวดพร้อมกันทั้ง 2 ข้างหรือปวดทั่วทั้งศีรษะ ส่วนใหญ่อาการจะเกิดขึ้นในขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อระดับความเครียด หรือทำให้เหนื่อยล้ามาก ๆ โดยอาการปวดศีรษะอาจเกิดขึ้นที่ศีรษะข้างหนึ่งและย้ายไปอีกข้าง หรือปวดศีรษะข้างหนึ่งแล้วอาการปวดเพิ่มขึ้นทั่วศีรษะในครั้งเดียวได้เช่นกัน

    4. ระยะที่หายจากอาการปวดศีรษะ (Postdrome)

    ระยะนี้เป็นอาการหลังจากอาการปวดศีรษะหายไป บางคนอาจมีอาการระยะนี้นานถึง 1 วัน ดังนี้

    • รู้สึกเหนื่อย เพลีย สับสน มึนงง หรือรู้สึกสดชื่นหรือมีความสุขผิดปกติ
    • ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง
    • ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือลดลง

    ควรพบคุณหมอเมื่อใด

    ควรรีบพบคุณหมอทันทีหากมีอาการรุนแรงขึ้น หรือมีอาการเหล่านี้

    • ปวดศีรษะกะทันหันและรุนแรง
    • ปวดศีรษะพร้อมกับมีไข้ ตาพร่ามัว มึนงง คอแข็ง สับสน ชัก หรืออ่อนแรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง
    • ปวดศีรษะเรื้อรังที่มีอาการแย่ลงหลังไอ ออกแรง เกร็ง หรือเคลื่อนไหวกะทันหัน
    • ปวดศีรษะหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
    • มีอาการปวดศีรษะเกิดขึ้นหลังอายุ 50 ปี

    การบรรเทาและรักษาอาการไมเกรน

    วิธีบรรเทาให้อาการไมเกรนดีขึ้น อาจทำได้ดังนี้

    รักษาด้วยยา

  • ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล แอสไพริน และไอบูโพรเฟน สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ ข้อควรระวัง คือ เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน เว้นแต่จะอยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ ไต และกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร ไม่แนะนำให้รับประทานยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟน นอกจากนี้ หากรับประทานยาแก้ปวดเกินขนาดอาจทำให้อาการไมเกรนแย่ลงได้
  • ยาทริปแทนส์ (Triptans) เป็นยาแก้ปวดเฉพาะสำหรับอาการไมเกรน มักใช้เมื่อยาแก้ปวดทั่วไปไม่สามารถบรรเทาอาการได้ อาจทำให้มีผลข้างเคียง เช่น รู้สึกหนักแขน ขา หน้าอก ไม่สบาย ปากแห้ง ง่วงนอน
  • ยาแก้แพ้ ใช้บรรเทาอาการปวด สามารถใช้ร่วมกับยาทริปแทนส์และยาแก้ปวดได้ อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาเจียน เซื่องซึม อุจจาระร่วง
  • ยาสูตรผสม เป็นยาที่ผสมยาแก้ปวดและยาแก้แพ้หรือยาทริปแทนส์เข้าด้วยกัน
  • การรักษาสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร

    สำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร คุณหมออาจไม่แนะนำให้รับประทานยาเพื่อรักษาอาการไมเกรน เพราะอาจส่งผลต่อทารกได้ คุณหมอจึงอาจแนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอาการเพื่อควบคุมไม่ให้อาการกำเริบ หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้ยารักษา คุณหมออาจสั่งยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์ไม่แรงมาก เช่น ยาพาราเซตามอล หรือในบางกรณีอาจสั่งยาแก้อักเสบหรือยาทริปแทนส์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ

    การป้องกันอาการไมเกรน

    การป้องกันอาการไมเกรนไม่ให้กำเริบอาจสามารถทำได้ ดังนี้

    • สร้างสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำ และดื่มน้ำมาก ๆ นอกจากนี้ ควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ด้วย
    • หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นอาการไมเกรน เช่น ความเครียด อาหารบางชนิด เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสเค็ม อาหารแปรรูป
    • หากมีอาการรุนแรงขึ้นควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อรับยาป้องกันอาการไมเกรน เช่น ยาลดความดันโลหิต ยากล่อมประสาท ได้แก่ ไตรไซคลิก (Tricyclic) ยากันชัก ได้แก่ วาลโปรเอท (Valproate) และโทพิราเมท (Topiramate)

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 14/12/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา