ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล
ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ Immunotherapy คือ หนึ่งในวิธีการรักษา มะเร็ง โดยใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยปกติเซลล์มะเร็งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้เซลล์มะเร็งไม่ถูกทำลาย สามารถเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ยาภูมิคุ้มกันบำบัด จะออกฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้สามารถตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งที่เป็นสิ่งแปลกปลอมได้โดยตรง ทำให้สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ก้อนมะเร็งยุบลง คนไข้มีระยะเวลาปลอดโรคที่ยาวนานมากขึ้น รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถแยกแยะและจดจำได้ว่าเซลล์ใดเป็นเซลล์ปกติ เมื่อตรวจพบเซลล์แปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย ระบบภูมิคุ้มกันจะเข้ากำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้น หลังจากนั้นระบบภูมิคุ้มจะสามารถจดจําสิ่งแปลกปลอมได้เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดในครั้งหน้าได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เซลล์มะเร็งสามารถหลบซ่อนจากการตรวจพบของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ หรือบางครั้งระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะกำจัดเซลล์มะเร็งนั้นๆ
ยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในการรักษามะเร็งคือ ยากลุ่มยับยั้งการทำงานที่อิมมูนเช็คพอยต์ (Immune checkpoint inhibitors) มีคุณสมบัติเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดี (monoclonal antibodies) โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันจะมีเช็คพอยต์เป็นกลไกการควบคุมให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายหยุดทำลายสิ่งแปลกปลอม หรือหยุดการทำลายเซลล์ของร่างกาย เพื่อรักษาความสมดุลของการทำลายเซลล์แปลกปลอม และป้องกันการทำลายเซลล์ปกติของร่างกาย
เช็คพอยต์ตัวสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันที่อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดขาว คือ PD-1 และบนเซลล์มะเร็งมีเช็คพอยต์ คือ PD-L1 เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวจับกับเซลล์มะเร็งที่จุดเช็คพอยต์นี้ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกปิดสวิตช์ไม่ทำงาน เซลล์เม็ดเลือดขาวมองไม่เห็นเซลล์มะเร็งและไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้
ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยพัฒนาต่อเนื่องในเรื่องของยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยพบว่า ยาหลายชนิดมีประสิทธิภาพดีในการรักษาโรคมะเร็งและมีความปลอดภัย จึงได้รับการอนุญาตให้ใช้เป็น ยารักษามะเร็ง ทางคลินิกในปัจจุบัน โดยสามารถใช้เป็นการรักษาเดี่ยว หรือให้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสี หรือยามุ่งเป้า ขึ้นกับมะเร็งแต่ละชนิด
ปัจจุบันมีการนํายาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immune checkpoint inhibitors) มารักษาโรคมะเร็ง เช่น
ยาในกลุ่มนี้ปัจจุบันถือเป็นความหวังและทางเลือกใหม่ในการใช้เป็น ยารักษามะเร็ง โดยมีจุดเริ่มต้นจากการศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษามะเร็งระยะแพร่กระจาย (มะเร็งระยะที่ 4) เทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิมอย่างเคมีบำบัด โดยดูจากผลของการรักษามะเร็งด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด ทั้งการใช้เป็นยาเดี่ยวในผู้ป่วยที่มีการแสดงออกของ PD-L1 สูง หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือการรักษามุ่งเป้าตัวอื่นในผู้ป่วยอื่นที่ไม่มีการแสดงออกของตัวทำลายประสิทธิภาพของยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่สูง ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การรักษาเพิ่มด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดให้ผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ดีขึ้น ก้อนมะเร็งยุบลงได้มากและนานขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอายุที่ยาวนานมากขึ้น
ในปัจจุบันมีการศึกษานํา Immunotherapy มาใช้ในมะเร็งระยะก่อนลุกลาม เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำภายหลังการผ่าตัดหรือให้ยา รวมถึงการใช้เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งก่อนการผ่าตัดในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม เป็นต้น
แม้ว่า Immunotherapy อาจจะมีผลข้างเคียงของต่อร่างกายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิม หรือการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด เนื่องจากอาศัยการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำลายมะเร็งได้อย่างเจาะจง อย่างไรก็ตาม ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ผื่นผิวหนัง อ่อนเพลีย ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน คลื่นไส้ อาเจียน ปอดอักเสบ ไอ หายใจลำบาก ปวดหัว ปวดข้อ เป็นต้น
มะเร็งเป็นโรคที่มีอาการ และลักษณะแตกต่างกัน ไปในแต่ละบุคคล ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด
เคมีบำบัด เป็นการให้ยาที่มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งอาจมีผลให้เซลล์ปกติของร่างกายถูกทำลาย ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ส่วนภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างตรงจุด ทำให้คนไข้มีระยะเวลาปลอดโรคได้นานมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันยาภูมิคุ้มกันบำบัดถือเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษามะเร็งที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ จากงานวิจัยพบว่า ยาภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถใช้เป็นยาหลักหรือยาเดี่ยวในการรักษามะเร็ง หรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การฉายแสง ยาเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้า เพื่อให้ทำงานร่วมกันในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้การเลือกใช้ยาจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเซลล์มะเร็งแต่ละชนิด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
พลอย วงษ์วิไล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย